วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

mineeHondaC70.blogspot.com

HONDA C คลาสสิก
        
     ประวัติ HondaC คลาสสิก

ในปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์มากมาย ซึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ ฮอนด้า แน่นอน ฮอนด้าเปิดสายการผลิตรถจักรยานยนต์ มาตั้งแต่อดีต มีการผลิตรถจักรยานยนต์ออกมามากมายหลายรุ่น ด้วย เทคโนโลยีที่เก้าทันกระแสการ เปลี่ยนแปลงของโลกตลอดเวลา แต่มีรถจักรยานยนต์ โมเดลหนึ่งซึ่งทุกคนอาจมองข้ามไปนั้น คือการผลิตของรถโมเดล Super CUP นั่นเอง สายการผลิตของรถจักรยานยนต์ในโมเดลนี้ มีจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 35 ล้าน คัน แล้วในปัจจุบันในช่วงปี 1959 – 1962 มีเปิดตัวสายการผลิต ครั้งแรกในรุ่น Honda c100 อย่างเป็นทางการ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี2002 บริษัท Honda Moter โมเดล Super CUP co.,Ltd มีการเช็คจำนวนผลิตภัณฑ์ ทั้งหมดสำหรับ อีกครั้ง พบว่าในช่วงเวลา 44 ปีที่ผ่านมา สายการผลิต ของรถโมเดลนี้มีจำนวนมากถึง 35 ล้านคันแล้วนับจากสาม เดือนแรกที่มีการ จัดจำหน่ายสู่ท้องตลาดอย่างเป็นทางการในปี 1958 สายการผลิตในช่วงแรกของ Super CUP นั้นมีการออก แบบ และพัฒนาขึ้นโดยตรงจากฝีมือของนาย Soichiro Honda ผู้บริหารระดับสูงหรือเจ้าของบริษัทฮอนด้านั่นเอง โดยได้แนว ความคิด ในการออกแบบรถจักรยานยนต์สายพันธ์ใหม่นี้มาจากการความเอนกประสงค์ ของรถสกุตเตอร์ที่ทุกคน ในสมัยนั้นต่าง ก็ยอมรับในความสามารถรอบตัวของมัน เครื่องยนต์ของรถสกุตเตอร์ในสมัยนั้นแทบทั้งหมดจะเป็น เครื่องยนต์แบบสองจังหวะ แต่สำหรับฮอนด้าโมเดล the Super CUP แล้วมีการปรับปรุงรูปแบบใหม่ด้วยการใช้เครื่องยนต์แบบสี่จังหวะสมรรถภาพสูง 50ซีซี เข้ามาติดตั้งแทน ซึ่งเครื่องยนต์แบบนี้โดดเด่นมากกว่าของกำลังที่ ได้ความประหยัดเชื้อเพลิงที่สูงกว่า อีกทั้งยัง มีความทนทาน กว่าเครื่องยนต์สี่จังหวะ อย่างเห็นได้ชัด ในด้านของรูปลักษณ์ภายนอกมีการออกแบบให้ตัวรถ อยู่ในระดับต่ำเช่นเดียวกับ รถสกุต เตอร์แต่มีการออกแบบโครงสร้างตัวถังเป็นแบบ backbone frame แทน เพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้งและ การถอดออกของ บังลม ด้านหน้า ซึ่งออกแบบมาเพื่อป้องกันโคลนสิ่งสกปรก และลม มาประทะขาของผู้ขับขี่ ที่สำคัญโครงสร้างตัวถังแบบนี้ยังเป็น วัตกรรม ใหม่ล่าสูดในสมัยนั้นอีกด้วยสายการผลิตของ the Super CUP มีการปรับปรุงและพัฒนาสายการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีในด้านของการขับขี่ ทั้งในด้านของสมรรถนะ เครี่องยนต์และความประหยัดเชื้อเพลิง แต่สิ่งหนึ่งซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็น ได้ชัดนั้นคือ รูป ลักษณ์ภายนอก ซึ่งยังคงรูปแบบเดิมอยู่จนกระทั่งปัจจุบัน ในด้านของการตลาด the Super CUP กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับ ตลาดรถเอนกประสงค์หรือรถสกุตเตอร์ในเวลาอันรวดเร็ว จนคำว่า CUP เกือบจะเป็นคำที่มีความหมายว่ารถ สกุตเตอร์ใช้ งานไปแล้วในตลาดรถสกุตเตอร์



the Super CUP มีการส่งออกไปจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกา เป็นครั้งแรกในปี1959 และไม่นานนักก็มีการส่งออกไปจำหน่ายใน 160 ประเทศ ทั่วโลกในเวลาต่อมา มีการเปิดสายการผลิตใน ประเทศต่างๆเพิ่มขึ้นมากมายกว่า 14 ประเทศเพื่อต้องการขยาย ตลาดไปยังประเทศในแถบ south-East Asia ทั้งหมด the Super CUP กลายเป็นรถที่มีความเอนกประสงค์มากที่สุด และ เป็นที่ รู้จักของของคนทั่วโลก นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันสำหรับสายการผลิตแรกของรถจักรยาน ยนต์ ในตระกูล Super CUPคือ โมเดล Honda c100 Super CUP 50 มีสายการผลิตอยู่ในช่วง 1959-1962 มีการผลิตเฉดสีออกจำหน่ายสู่ท้องตลาด ทั้งสิ้น 4 สีด้วยกัน คือ สีทรูโทนแดงสดตัดขาว, สีขาวล้วน, สีทูโทนน้ำเงินตัดขาวและสีทูโทนดำตัดขาว ที่ด้านหน้าของตัวรถและที่ฐานเบาะ จะมีโลโก้อักษรภาษาอังกฤษว่า “CUB”และ” Super CUP” เป็นสัญลักษณ์สำหรับรถรุ่นนี้ ที่ไฟท้ายจะมีลักษณะเป็นทับทิมสีแดง เครื่องยนต์มีขนาดความจุ 49 cc สูบเดียน 4 จังหวะ OHV ใช้ระบบขับเครื่อง โดยชุดเกียร์แบบสามสปีด และระบบครัทช์แบบ ออโตเมติก สำหรับระบบสตาร์ท ในรุ่นนี้มีการผลิตออกมาเฉพาะ ระบบสตาร์ทโดยเท้าเท่านั้น

สำหรับรถที่มีการผลิตออกมาในช่วงแรก ๆ นั้นจะสังเกตได้จากเบาะที่มีขนาดมากกว่า จักรยานยนต์ในสายการผลิตถัดมา คือ Honda CA100 มันคือรถโมเดลใหม่ที่มาแทนที่ใน รุ่น C100 มีสายการผลิตในช่วงปี 1962-1970 มีการผลิตเฉดสีออกจำหน่าย สู่ท้องตลาดทั้งสิ้นสี่สีด้วยกัน เช่นเดียวกับโมเดล C100 นั้นคือ สีทูโทนแดงสดตัดสีขาว ,สีขาวล้วน,สีทูโทนน้ำเงินตัดขาว และ สีทูโทน ดำตัดขาว เครื่องยนต์ยังคงเป็นแบบสี่จังหวะ ขนาดความจุ 49 cc สูบเดียว OHV ใช้ระบบขับเคลื่อนโดยชุดเกียร์แบบ สามสปีด และระบบ ครัทซ์แบบออโตเมติก เช่นเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง และสำหรับระบบสตาร์ทในรุ่นนี้มีการผลิตออกมา เฉพาะ ระบบสตาร์ทด้วยเช่นกัน ที่ด้านหน้าของตัวรถและที่ฐานเบาะจะมี โลโก้อักษรภาษาอังกฤษว่า “Honda 50” เป็นสัญลักษณ์สำหรับ รถรุ่นนี้ ไฟท้ายมีการออกแบบ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าโมเดลก่อนอย่างเห็นได้ชัด สายการผลิตของจักรยานยนต์ Super CUP 50 cc ไม่ได้มีการผลิตและจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และยังมีการส่งไปจำหน่ายอีกหลายประเทศทั่วโลก.
รถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นที่แม่ๆ ป้าๆ ใช้ขี่ไปตลาดจับจ่ายซื้อของเป็นที่คุ้นตา โดยเฉพาะในต่างจังหวัด วันนี้กลับเป็นที่ชื่นชอบของคนหนุ่มสาวในเมืองหลวง พยายามขวนขวายหามาเป็นเจ้าของสักคัน จากนั้นนำมาแปลงโฉมจนสวยงามเอี่ยมอ่อง แม้เจ้าของเดิมมาเห็นก็อาจจะจำไม่ได้ โดยเฉพาะราคาที่เปลี่ยนไปจนแม่บ้านหลายคนต้องแปลกใจว่าอย่างนี้ซื้อรถใหม่ไม่ดีกว่าหรือ

ความ คลาสสิก คงจะเป็นคำตอบเดียวที่ผู้นิยมรถเก่ารุ่นนี้จะอธิบายแทนความหลงใหลของพวกเขาได้ แม้จะวิ่งไม่เร็ว ซิ่งไม่ได้ แต่ความภาคภูมิใจเวลาขี่รถคันเก๋แปลกตาบนท้องถนน คงเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากรถรุ่นใหม่เครื่องแรงทั่วไป รถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮอนด้า ซี เริ่มเข้ามาขายในเมืองไทยตั้งแต่ปี 1958-1959 โดยเริ่มจากรุ่นที่มีไฟหน้าติดตั้งอยู่บริเวณด้านบนส่วนหน้าของรถ หรือที่เรียกว่ารุ่นไฟบนนั้นจะเข้ามาก่อน จากนั้นรุ่นไฟล่างจึงตามเข้ามาทีหลังในปี 1966 แต่เพิ่งไม่กี่ปีมานี้เองที่ฮอนด้า ซี ได้รับความนิยมจากนักเล่นรถเก่า ซึ่งไม่ใช่เพียงกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษาเท่านั้น แต่ยังมีคนทำงานที่ชอบเก็บสะสมรถโบราณอีกด้วย

ฮอนด้า ซี นี้คือรหัสของรถรุ่นพวกนี้ มันก็จะมีแยกไปเป็นซี 50 ,ซี 65,ซี 70,ซี 90 และก็ซี 100 ตัวเลขก็คือซีซีของรถ อย่างซี 50 ก็คือ 50 ซีซี ซี 90 ก็รถ 90 ซีซี ภาสกร ปั้นเพชร หรือแบงก์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มนาซี อธิบายถึงความแตกต่างของรถแต่ละคันที่จอดโชว์อยู่ให้ฟัง ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกแต่ละรุ่นนั้นจะดูคล้ายกัน

เขาจะดูกันที่ถังน้ำมัน ซี 70 ก็จะเป็นรุ่นที่ใหม่หน่อย ถังน้ำมันจะเชื่อมติดกับบังโคลนหลัง แต่ถ้าเป็นตัวเก่าหน่อยก็จะเป็นซี 50 ถังน้ำมันจะแยกออกได้จากตัวรถ แต่ถ้าเก่ากว่านี้ก็คือ ซี 100 กับซี เอ็ม 90 เขาชี้ให้ดูฮอนด้า ซี 100 สีเขียวไข่กาที่เป็นรุ่นต้นแบบของมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะ ในปัจจุบัน ส่วนซี เอ็ม 90 ที่จอดอยู่ข้างกันนั้น มีกะโหลกไฟโตกว่า และถังน้ำมันจะใหญ่กว่ารุ่นซี 100กัน เขาก็บอกว่ามันกลับมาได้สักประมาณ 4 ปีแล้ว ราคาตอนนี้ก็จะขยับขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว ยิ่งรุ่นที่หายากหน่อยราคาก็จะยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก เช่น ซี 100 และซี เอ็ม 90 แล้วมันก็จะมีอีกรุ่นหนึ่งที่คล้ายๆ รุ่นนี้ คันนั้นจะเป็นสตาร์ทมือ เขาเรียกว่า ซี 102 คันนั้นก็จะแพงมาก น่าจะแพงที่สุดในบรรดารถผู้หญิงด้วยกัน

ราคาของฮอนด้า ซี นั้น จะขึ้นอยู่กับสภาพของรถแต่ละคันและอะไหล่ที่ใช้
รถที่ยังไม่ได้ตกแต่งซ่อมแซมกับตกแต่งเรียบร้อยแล้วก็จะราคาต่างกัน

อย่างซี 50 สภาพที่ทำแล้วแบบนี้ ทางร้านก็จะขายอยู่ที่ราคา 20,000 แล้วมันก็จะมีซี 70 แบบที่มันยังไม่ได้ทำ เป็นสภาพเดิมๆ แบบที่เขาเรียกกันว่ารถบ้าน ตามภาษาพวกรถฮอนด้าด้วยกันเขาจะเรียกว่าสภาพรถแบบแห้งๆ หมายถึงแบบที่สีรถมันนานมาแล้วตั้งแต่สมัย 20-30 ปีที่แล้ว สีมันดูแห้งๆ ก็จะเริ่มตั้งแต่ราคา 5,000 บาทไปจนถึง 10,000 บาท

มันจะมีเหมือนเป็นออปชันในการขายรถ ว่ารถคันนี้ต่อทะเบียนมาแล้ว มีพ.ร.บ. ถ้ามอเตอร์ไซค์ที่ขายมี คนก็จะสนใจ เพราะเขาจะได้ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องไปเสี่ยงเรื่องกฎหมายบ้านเมืองด้วย รถทำมาแล้วมีทะเบียนก็ราคาหนึ่ง ทำมาแล้วแต่ไม่มีทะเบียนมันก็จะอีกราคาหนึ่ง เครื่องยนต์ที่ผ่านการทำหรือที่เรียกว่าบิลต์แล้ว จะสามารถวิ่งได้ประมาณ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากทำเครื่องยนต์เสร็จก็จะเป็นขั้นตอนของการตกแต่ง ทั้งเปลี่ยนเบาะจากเบาะยาวเป็นเบาะคู่หรือเบาะเดี่ยวพร้อมตะแกรงท้ายรถ รวมทั้งการทำสีใหม่ด้วย

บางคนชอบแต่งแบบอนุรักษ์ ก็จะทำสีเป็นโทนสีเดิมๆ คือสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีของรถที่ออกมาในตอนนั้น แต่บางคนอาจจะไม่ชอบสีเดิมของรถก็จะมาทำเป็นสีที่เขาเรียกกันว่าสีเบจ คือออกเป็นสีนวลๆ สีครีม สีชมพูอ่อน แล้วก็มีอีกแบบหนึ่งคือ แนวแฟชั่น ที่ทำสีแรงๆ อย่างสีม่วง สีส้ม สีเขียวตองอ่อน แล้วก็จะมาใส่ล้อซี่ลวดที่เขาเรียกว่าขึ้นซี่ลวดถี่ แล้วใส่ยางขอบขาว อยู่ที่ไอเดียของแต่ละคนจะแต่ง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการบิลต์รถเก่าให้ดูใหม่แต่ละครั้ง แบงก์บอกว่าจะตกประมาณ 15,000-20,000 บาท ทั้งการชุบ ขัดเงา ทำสี อะไหล่ภายในรถและอะไหล่ตกแต่งล้อ ฯลฯ

ฮอนด้า ซี ก็คงไม่ต่างจากรถทั่วไป ที่เมื่อมีรุ่นใหม่มาแทนที่รุ่นเก่า ความนิยมก็ย่อมจะลดลง แต่เมื่อถูกจัดให้เป็นรถคลาสสิกแล้วนั้น ก็ย่อมเป็นอมตะไม่มีวันตายหรือสูญหายไปง่ายๆ รอเพียงเวลาที่คนรุ่นใหม่จะเห็นคุณค่าความสวยงามและกลับมานิยมใหม่อีกครั้ง

Honda C70 เป็นรถจักรยานยนต์ที่ทาง Honda ได้เริ่มการผลิตขึ้นในปี 1967 เป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้ชื่อว่าเป็นรถที่ประสิทธิภาพที่ดี คุ้มค่า และยังเป็นรถขายดียอดนิยมในญี่ปุ่น ผู้ใช้ที่ได้ลองขับขี่ส่วนใหญ่จะหลงไหลกับ Honda C70 ไปโดยทันที รุ่นHonda C70 เป็นรถที่ได้รับการพัฒนาต่อมาจาก Honda C50 Super Cub จึงไม่น่าแปลกใจที่หน้าตามันจะละหม้ายคล้ายกับรถรุ่นพี่ของมัน 

หลังจากพัฒนาอย่างต่อเนื่องของทางHonda นั้น Honda C70 ได้พัฒนาในเรื่องของกำลังรถให้มีสมถะนะเพิ่มมากขึ้น โดยได้ทำการเพิ่มเครื่องยนต์ที่มีความจุสูงถึง 72cc ลงไปในC70 และด้วยแรงม้ามากถึง 6.30แรงม้า ผู้ขับขี่มันสามารถที่จะขับขี่ไปบนท้องถนนที่แออัด ไปได้อยากสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น 

ต่อมาในปี 1970 ทางHonda Japan ได้เพิ่มการลงทุนโดยออกจัดจำหน่ายส่งขายไปยังนอกประเทศญี่ปุ่น และในปี 1972 อังกฤษก็เต็มไปด้วย Honda C70 รถจักรยานยนต์คันนี้ยังเป็นยอมรับกันในผู้ขับขี่รถจักรยานต์ในทุกๆเพศทุกวัยจากทั่วโลก ตามหลังรถรุ่นพี่ Honda C50 ได้อย่างไร้ข้อกังขา 

การพัฒนาที่โดดเด่นที่สร้างความแตกต่างระหว่าง C50 กับ C70 นั้นคือการที่นำเอาระบบคลัทซ์อัตโนมัติ สามสปีดเข้ามาใช้ในC70 ทำให้ทุกๆการขับขี่มันง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น แม้ในที่การจราจรติดขัด

ระบบความปลอดภัยของC70 ฮอนด้าใส่ใส่ดรัมเบรคเข้ามาในวงล้อ17นิ้ว พร้อมกับพัฒนาด้ามมือจับเบรคของรถให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ที่ซื้อไปขับขี่เกิดความพึงพอใจที่สุด

กว่าทศวรรษที่ผ่านมา วิศวกรฮอนด้าได้ปรับปรุง C70 อย่างต่อเนื่องแต่คงไว้ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอก ต่อมาได้เพิ่ม ชุดสีต่างๆของC70 เพื่อเอาใจผู้ชื่นชอบรถจักรยานยนต์และนักสะสม

ต่อมาในปี 1982 ฮอนด้าได้เปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีด้านรถจักรยานยนต์ครั้งใหญ่อีก โดยการเปลี่ยนระบบไฟ 6V ไปเป็น 12V พร้อมกับนำเอาการระบบ CDI เข้ามาใช้ในเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพที่ดีของเครื่องยนต์ การประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น 
ในส่วนของบริการหลังการขาย สมัยนั้น Honda ยังได้รับคำขอบคุณจากผู้ขับขี่อยู่ตลอดเวลา ว่ามีการจัดการบริการหลังการขายที่ดี 

ในประเทศอังกฤษ Honda C70 ยังเป็นรถจักรยานยนต์ที่ ผู้ขับขี่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นรถที่ประหยัดน้ำมัน มีกำลังของเครื่องยนต์ 4จังหวะที่ดีและเสียงไม่ดังมาก การซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนอะไหล่ สามารถทำได้ง่ายด้วยตนเอง ซึ่งนี้หละเป็นจุดกำเนิดของC70 ของแท้ 

 รูปภาพรุ่นรถ Honda C คลาสสิก
                                     Honda C 70

Honda C 50
Honda C 65
Honda C 90
Honda C100
Honda CM
Honda CM 65